สายน้ำจะไม่มีวันไหลย้อนกลับ
>เรื่องอ่านยาว ๆ แต่ดี ((อีกแล้ว)) อ่านไว้เตือนใจตัวเอง
>คัดลอกมาจากบอร์ดแห่งนึง ลองอ่านกันดู
>วันนี้ตื่นเช้าหน่อยทั้งที่เมื่อคืนก็นอนดึก
>แต่ว่ามีงานหลายอย่างรออยู่ เลยต้องรีบตื่น
> ทำงานแต่เช้า ข้าวเช้าไม่ได้ทาน กว่าจะนึกขึ้นได้ก็เที่ยง
>เลยไปทานรวบยอด ข้าวหน้าเป็ด1จานกับบะหมี่แห้งอีก1ชาม
>คงอยู่ได้ถึงเย็น
>แล้วก็กลับมานั่งทำงานต่อ ไม่ได้ออกไปข้างนอก
>งานกว่าจะเสร็จก็ราวบ่าย2
>เลยไปนั่งคุยกับเพื่อนอยู่พักหนึ่ง คุยเรื่อยเปื่อย
>ไม่มีสาระอะไรสำคัญเท่าไหร่
>พอบ่าย 4 ก็ต้องออกไปเอาของ เห็นว่าไม่ไกลเท่าไหร่
>แล้วที่ๆจะไปรถก็ติด เลยขับมอเตอร์ไซค์ไป ก็ดี ใช้มอเตอร์ไซค์
>ค่าใช้จ่ายน้อยดี ขับไปเรื่อยๆจนรถมาติดไฟแดงที่แยกหนึ่ง
>คนขับมอเตอร์ไซค์อีกคัน มากับแฟนเขามาติดไฟแดงเหมือนกัน
>ดูข้าวของพะรุงพะรัง แล้วยังอุ้มลูกหมาอีก
> ผมก็ดูเขา เห็นหมาน่ารักดี มันเห็นผมมอง ก็เห่าตามประสาหมา
>เจ้าของที่เป็นผู้หญิงเลยมองหน้าผมยิ้มๆ พอไฟเขียวเขาก็ขับรถออกไป
>เขาขับเร็วกว่าผม แต่ผมขับไปเรื่อยๆ ยังคงเห็นเขาอยู่ไกลๆ อยู่
>แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่ง
>วิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถตู้คันที่ออกจากไฟแดงไปก่อนหน้า
>รถตู้เบรกเต็มที่จนรถปัด มอเตอร์ไซค์ผู้หญิงกับผู้ชายคนนั้น
>คงหันมาคุยกัน
>เพราะผมไม่เห็นไฟเบรกเขา จึงชนท้ายรถตู้เข้าไปอย่างแรง จนรถกระเด็น
>ผมรีบเร่งเครื่องตามไป พอไปถึงผู้ชายคนขับสลบไปเลย
>มีเลือดออกจากปากและจมูกมาเป็นลิ่มๆเยอะมาก ส่วนผู้หญิงก็สลบหัวแตก
>เพราะกระเด็นไปชนท้ายรถตู้ส่วนที่เป็นกระจก
>เขาทั้งคู่ไม่ได้ใส่หมวกกันน๊อก
>คนมามุงเยอะมาก ผมดูตามร่างกาย ทั้งคู่ท่าทางจะอาการหนักแน่
>เพราะเขาชนไปโดยที่แทบไม่ได้เบรกเลย
>ส่วนหมาตัวนั้นกลับไม่เป็นอะไรเท่าไหร่
>เพราะมันกระเด็นแล้วกลิ้งออกไป
>ผมจอดรถแล้วเดินลงมา มีคนพยายามจะอุ้มเขาไปที่ฟุตบาท
>ผมรีบห้ามทุกคนแตะต้องคนเจ็บ
>เพราะหลายครั้งที่คนเจ็บจะอาการหนักมาจาก
>คนที่ไม่มีความรู้ไปเคลื่อนย้ายเขา
>ผมเอามือถือออกมาโทร ผมไม่ทราบว่าตรงนั้นท้องที่ไหน
>เลยโทรไปที่191
>แล้วให้เขาช่วยแจ้งให้ ตอนโทรไปผมต้องบอกกับตำรวจว่าอาจจะเสียชีวิต
>ทั้งๆที่ผมเห็นเขาหายใจอยู่ ผมไม่ได้แช่งเขา แต่การที่ผมทำแบบนี้
>จะทำให้พวกตำรวจและรถมูลนิธิมาเร็วขึ้น
>คนมามุงเยอะมาก ผมต้องคอยห้ามทุกคนอย่าไป
>อุ้มคนเจ็บอยู่ตลอดเวลา หมาตัวนั้นท่าทางตกใจมาก
>วิ่งเข้าไปดมเจ้าของมันทั้งคนที่เป็นผู้ชายและผู้หญิงสลับกัน
>มันมองหน้าผมเหมือนจะไม่เข้าใจ
>ทั้ง 2 คน ผมคะเนอายุแล้วคงประมาณ 30 กว่า
>ผมเริ่มเก็บของที่ตกกระจายอยู่ที่พื้นกระจัดกระจายให้เขา
>ข้าวของเขาเยอะจริงๆ รถเริ่มติดมาก ส่วนใหญ่จะชะลอดู
>คนแถวนั้นมาช่วยไล่รถเพื่อไม่ให้รถติด
>ระหว่างที่ผมเดินไปเก็บของ ผมคิดอะไรไปด้วย
>ชุดนักเรียนอนุบาลเด็กผู้หญิงอยู่ในถุง เขาคงมีลูก อายุ4-5ขวบ
>ลูกเขาอยู่กับใครตอนนี้ คงรออยู่ที่บ้าน รอพ่อกับแม่กลับมา
>เปิดเทอมแล้วเขาคงซื้อเพิ่มให้ลูก
>ไข่ เขาซื้อมาจากตลาดราว 20 ใบ แตกหมดเลอะถนน
>เขาคงซื้อไปทำกับข้าวให้ลูกเขา
>เย็นนี้ลูกเขาคงไม่ได้ทานกับข้าวที่แม่เขาทำแล้ว
>นมผงกล่องสำหรับเด็ก1ขวบ ตราหมีรสน้ำผึ้ง
>เขามีลูกอีกคนคงราวขวบเดียว>คนนี้คงยังไม่รู้เรื่อง อาจจะเพิ่งหัดเดิน เด็กวัยนี้กำลังน่ารัก
>หัดพูดพ่อจ๋าแม่จ๋า
>เหมือนกับลูกของคนข้างบ้านที่ผมไปอุ้มเล่นบ่อยๆ
>ปืนเด็กเล่นแบบยิงแล้วมีเสียง
>เขาคงซื้อไปให้ลูกเขาเล่นท่าทางเขาเป็นคนรักลูก
>ตามประสาพ่อแม่ที่เห็นของเล่นก็จะซื้อให้ลูก
>แต่ปืนเด็กเล่นอันนี้ถูกรถทับแตกแล้ว ลูกเขาคงไม่ได้เล่นแล้ว
>สายจูงหมา อยู่ในถุง เขาคงจูงหมาไปเดินเล่นบ่อยๆ พรุ่งนี้ใครจะจูง
>เจ้าของหมานอนสลบอาการหนักอยู่ต่อหน้าผม
>รองเท้าเด็กแบบมีเสียงเวลาเดิน คงของลูกคนเล็กเขา
>เทปเพลง 2 ม้วน ถูกรถทับแตก
>ตุ๊กตาหมี อยู่ในถุง คงซื้อให้ลุกคนโต ไม่ถูกรถทับ
>เขาคงให้ลูกเขากอดเล่นเวลาที่กล่อมลูกให้หลับ
>ยาแก้ไอของเด็ก ลูกเขาคงเป็นหวัดอยู่เพราะช่วงนี้อากาศหนาว
>หนังสือคู่สร้างคู่สม คงของผู้หญิง
>เพราะผู้หญิงชอบอ่านหนังสือพวกนี้ แต่ผมเองก็ชอบ
>อาหารปลาอย่างถุง ที่บ้านเขาคงเลี้ยงปลาตู้ไว้ดูเล่น
>ข้าวของอย่างอื่น กระจัดกระจาย เต็มไปหมด ผมตามเก็บให้เขา
>ผมมาดูอาการเขาอีกที เขายังหายใจอยู่ ผมวางของที่ข้างๆตัวเขา
>มีเพจเจอร์หล่นอยู่ที่ข้างตัวเขา มันดังขึ้น ผมเอามากดอ่าน
>คนที่เรียกมามีข้อความว่า
>พรุ่งนี้ให้ไปเอาเอกสารที่สุขุมวิทก่อนเข้าออฟฟิศ
>เขาคงทำงานเป็นแมสเซ็นเจอร์ที่ไหนซักแห่ง
>ข้อความก่อนหน้านี้ เรียกมาว่า วันนี้กลับบ้านแล้วมารับด้วย
>จะพาเจ้าจูลี่ไปฉีดวัคซีนด้วย ผมมองไปที่หมาของเขา ลองเรียกมันว่า จูลี่
>มันกระดิกหางเดินเข้ามาเอา 2 ขาหน้ามาเกาะที่ขาผม
>มิน่าเขาไปตลาดถึงได้พาหมาไปด้วย เขาพาหมาไปฉีดวัคซีน
>แล้วตำรวจก็มาถึง ผมเอาของทุกอย่างให้ตำรวจแล้วบอกว่าของเขา
>รวมทั้งหมาตัวนั้นด้วย
>มันยังคงไปดมที่ปากเจ้านายมัน จนจมูกมันเลอะไปด้วย
>ผมมองเขาทั้ง 2 คนอีกครั้ง นึกในใจขออย่าให้เป็นอะไรมาก
>แล้วผมก็ไปธุระต่อ
>ผมขับรถไปก็คิดไปหลายอย่าง ขากลับราว 5 โมง ผมเสร็จงานแล้ว
>ผมขับรถมาจอดที่ใต้สะพานพุทธ เพราะยังไม่อยากกลับบ้าน ยังคงคิดถึง
>เรื่องราวเมื่อสักครู่ บนสะพานมีคนตกปลา
>ในแม่น้ำเรือบางลำก็แล่นทวนน้ำ
>บางลำก็แล่นตามน้ำ แต่สายน้ำยังคงไหลไปในทิศทางเดิม
>เคยมีคนกล่าวไว้ว่า the river of no return
>มันหมายถึงสายน้ำไม่ไหลกลับ
>เหมือนสายน้ำที่ไหลอยู่ต่อหน้าผมตอนนี้
>ถ้าเมื่อครู่เขาเบรกทัน ตอนนี้เขาทั้งคู่คงทำกับข้าว เล่นกับลูก
>จูงหมาเดินเล่น ให้อาหารปลา
>แต่ตอนนี้ล่ะ เขาทั้งคู่ ลูกเขาทั้ง 2 คน หมา ปลาในตู้ กำลังทำอะไร
>และคิดอะไรอยู่
>ชีวิตคนเราบางครั้งแค่เสี้ยววินาทีไม่ใช่แค่เปลี่ยนชีวิตของคนๆเดียว
>แต่กลับเปลี่ยนได้หลายชีวิตที่อยู่รอบข้างให้เกิดความเศร้าได้
>การพลาดอะไรบางครั้งในชีวิต
>ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรให้กลับมาดีได้เหมือนเดิม
>เหมือนกับสายน้ำที่ไม่มีวันไหลกลับ
>จริงอยู่ที่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
>แต่ในบางครั้งก็สามารถแก้ไขและหลีกเลี่ยงได้
>ฉะนั้นจงใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทและจำไว้ว่า "สายน้ำจะไม่มีวันไหลย้อนกลับ"
เมื่ออาเซน่อลลบคำสบประมาณด้วย6-1
15 ปีที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น